วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

J'aime le Français

สาระน่ารู้สำหรับภาษาฝรั่งเศส

หลักการของการเขียนที่ถูกต้อง


บอกความรู้สึกผ่านภาษาอังกฤษ/ฝรั่งเศส


สอนการนับเลข


รับสาระน่ารู้อีกมากมายเกี่ยวกับภาษาฝรั่งเศสได้ที่ J'aime le Français (facebook)

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

นักการตลาด อาชีพสุดฮอตปี 2015


บริษัท CareerBuilder  และ  Economic Modeling  Specialists  ได้สำรวจแนวโน้มอาชีพสุดฮอตในปี 2015 ซึ่งเป็นงานที่ต้องมีใบปริญญารับรอง และวัดจากดัชนีสำคัญ ทั้งตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อเดือน , อัตราการเติบโต , การจ้างงาน  รวมถึงประเด็นการขาดแคลนแรงงานในปัจจุบันด้วย 

อาชีพร้อนแรงอันดับ 1 ในปีนี้  ต้องยกให้ ”บริหารการตลาด” หรือ Marketing executive  เพราะมีความต้องการแรงงานสูงถึง 22,996 อัตราต่อเดือน สังเกตจากการลงประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งนี้ถึง 34,613 ตำแหน่ง แต่กลับจ้างงานจริงในแต่ละเดือน  11,617 ตำแหน่งเท่านั้น  และยังมีการเติบโตเฉลี่ยในปี 2010-2014  ถึง 10%    ส่วนรายได้เฉลี่ยคิดเป็นชั่วโมง อยู่ที่  57.42 ดอลลาร์สหรัฐฯ  เป็นเงินไทยประมาณชั่วโมงละ 1,889 บาท

อันดับ 2 นักพัฒนาซอฟต์แวร์ , คนเขียนโปรแกรม (Software Developer , Applications)  โดยเฉพาะนักพัฒนาซอฟต์แวร์  ยังมีตำแหน่งว่างงานสูงถึง  21,084 ตำแหน่ง จากอัตราการจ้างงานทั้งหมดในปี 2014  กว่า  684,000 คน  เติบโตเฉลี่ย 15%(ช่วงปี 2010-2014)  มีรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง 44.66 ดอลลาร์ฯ  ประมาณ 1 พัน 469 บาท

ตามด้วยอันดับ 3  พยาบาลวิชาชีพ หรือ Registered Nurse ซึ่งเป็นอาชีพที่มีการจ้างงานสูงสุดใน 10 อาชีพ  มีการจ้างงานในปีที่แล้วกว่า 2.7 ล้านคน  ยังขาดแคลนแรงงานในสายอาชีพนี้อีกว่า 19,000 อัตรา  อัตราค่าจ้างเฉลี่ย 32.51 ดอลลาร์ฯ ประมาณ 1,069 บาทต่อชั่วโมง

ส่วนอันดับที่ 4 เป็นอาชีพวิศวกรอุตสาหการ หรือ Industrial Engineer ยังขาดแคลนบุคลากรมากกว่า 18,000 อัตรา แต่มีรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงสูงกว่าพยาบาลอาชีพ เฉลี่ยอยู่ที่ 38.96 ดอลลาร์ฯ  หรือ 1,282 บาทต่อชั่วโมง

อันดับ 5  ผู้ดูแลเครือข่ายและระบบคอมพิวเตอร์ (Network and Computer System Administrator) ถือเป็นงานที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องจากทุกองค์กร ทั้งในและต่างประเทศ  สังเกตจากการประกาศรับสมัครงานมากกว่า 35,000 อัตรา แต่จ้างจริงเพียง 18,734 อัตราเท่านั้น  รายได้เฉลี่ย 35.84 ดอลลาร์ฯ  หรือ 1,181 บาท

อันดับที่ 6 นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web  developer) อีกอาชีพที่สำคัญสำหรับยุคดิจิทัล ที่ต้องเชื่อมหน้าเว็บเข้าด้วยกัน และเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์  จึงเป็นอาชีพที่มีการเติบโตสูงที่สุดในปี 2010-2014 ถึง 17%  แต่มีอัตราค่าจ้างเพียง 28.02 ดอลลาร์ หรือ 923 บาทต่อชั่วโมง

อาชีพที่ 7  คือ การแพทย์และผู้จัดการบริการสุขภาพ (Medical and health services manager) เนื่องจากปัจจุบัน คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น  ทำให้ผู้จัดการบริการสุขภาพ  มีค่าจ้างค่อนข้างสูง คือ 43.61 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 1,437 บาท

อาชีพที่ 8 นักกายภาพบำบัด (Physical therapist) ยังฮอตติด Top 10 ในปีนี้  โดยเปิดรับสมัครงานแต่ละเดือนสูงถึง 24,425 อัตรา แต่จ้างจริง หมื่นกว่าอัตราเท่านั้น  โดยมีค่าจ้างเฉลี่ย 38.63 ดอลลาร์ฯ หรือ 1,273 บาท

สำหรับอันดับที่ 9 อรรถบำบัด (Speech-language pathologist) หรือ นักแก้ไขการพูด  คือ ผู้ที่ทำการบำบัดและรักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางภาษาและการพูด  เช่น พูดไม่ได้  ปากแหว่งเพดานโหว่  ประสาทหูพิการ บกพร่องด้านสติปัญญา และผู้ป่วยสมองพิการ ซึ่งยังต้องการสูง  และมีค่าจ้างชั่วโมงละ 34  ดอลลาร์ฯ หรือ 1,120 บาท

อาชีพสุดท้าย คือ  ผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales  manager) ถือเป็นอาชีพที่มีอัตราค้าจ้างเฉลี่ยสูงที่สุดใน 10 อันดับแรก  โดยอยู่ที่ 51.98 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 1,712 บาทต่อชั่วโมง  และยังต้องการแรงงานกว่า 6,300  อัตรา  โดยมีอัตราจ้างทั้งหมดในปีที่ผ่านมา  376,000 กว่าคน

 ข้อมูลจาก
http://news.voicetv.co.th/business/152118.html

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

เคมบริดจ์แชมป์ 5 สมัย ! อันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร The Guardian 2016


วันนี้มาพบกับการอัพเดทอันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ของหนังสือพิมพ์ The Guardian หนังสือพิมพ์เก่าแก่ชั้นแนวหน้าของประเทศ ที่ได้ประกาศอันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรออกมาสดๆร้อนๆนี้เอง

สำหรับการประกาศ อันดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร โดย  The Guardianประจำปี 2016 นี้นั้น มีมหาวิทยาลัยจำนวน 119 แห่งจากทั่วทั้งสหราชอาณาจักรเข้ามาติดอันดับในปีนี้ โดยมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่มีอันดับเปลี่ยนแปลง  เช่น University of Sussex มหาวิทยาลัยทางใต้ของอังกฤษมีอันดับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 19 จาก 43 ในปีก่อน จากที่ผลอันดับในปี 2012 University of Sussex เคยมีอันดับสูงที่สุดอยู่ที่อันดับที่ 11 ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยที่มีอันดับไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น University of Surrey ที่มีอันดับสูงขึ้นจาก อันดับที่ 19 ในปี 2012 มาอยู่อันดับที่ 9 ในผลอันดับปี 2014 อันดับที่ 6 ในปีที่แล้ว และขึ้นมาอยู่ TOP5 ในอันดับที่ 4 ในปี 2016 ครับ ไม่เบาทีเดียว  โดยทั้งนี้นั้น Cambridgeและ Oxford ยังคงครองแชมป์อันดับที่ 1 และ 2 อยู่ในปีนี้


ขอบคุณข้อมูลจาก : eduzone.com

10 ภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก (Top 10 Languages)


วันนี้จะพาทุกคนมาดูจำนวนผู้ใช้ภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลกจากการสำรวจของ internetworldstats.com ใน 2 ประเภทด้วยกัน คือ ภาษาที่มีคนพูดมาก
ที่สุดในโลกและ ภาษาที่มีคนใช้ทางอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลก 

10 ภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลก 


อันดับที่ 1 ภาษาจีนกลาง (Mandarin) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 873 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 1.3 พันล้านคน
อันดับที่ 2 ภาษาฮินดี (Hindi/Urdu) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 570 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ  970 ล้านคน
อันดับที่ 3 ภาษาสเปน (Spanish) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 330  ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 550 ล้านคน
อันดับที่ 4 ภาษาอังกฤษ (English) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 328 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 1.8  พันล้านคน*
อันดับที่ 5 ภาษาอาราบิค (Arabic) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ  232 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 260 ล้านคน
อับดับที่ 6 ภาษาโปรตุเกส (Postuguese) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 220 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 230 ล้านคน
อันดับที่ 7 ภาษาเบงกาลี (Bengali) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 203 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 253 ล้านคน
อันดับที่ 8 ภาษารัสเซีย (Russian) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 145 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 300 ล้านคน
อันดับที่ 9 ภาษาญี่ปุ่น (Japanese) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 126 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 130 ล้านคน
อันดับที่ 10 ภาษาปัญจาบี (Punjabi) มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่ประมาณ 109 ล้านคน มีคนที่ใช้ทั่วโลกทั้งหมดประมาณ 120 ล้านคน


ขอบคุณข้อมูล : Funders and Founders, internetworldstats.com

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

6 วิธี ผิวหน้าสวย ด้วยแตงกวา!

แตงกวาเป็นสมุนไพรเก่าแก่ชนิดหนึ่ง สาวๆ ทั่วโลกใช้เป็นเครื่องสำอางดูแลผิวหน้ามาอย่างยาวนาน แตงกวาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังสดชื่น เพิ่มความยืดหยุ่น ลดการบวมแดง ช่วยสมานผิว ช่วยให้ผิวพรรณเยาว์วัย แตงกวาเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าแห้ง หน้ามัน



วิธีที่ 1 ปอกเปลือกแตงกวาแล้วล้างน้ำให้สะอาด ฝานเป็นชิ้นบ้างๆ วางให้ทั่วใบหน้าที่ทำความสะอาดแล้ว ทำบ่อยๆ จะทำให้ใบหน้าดูผุดผ่อง เปล่งปลั่งขึ้น และยังช่วยรักษาฝ้าบนใบหน้าได้อีกด้วย

วิธีที่ 2 ปอกเปลือกแตงกวาแล้วล้างให้สะอาด หั่วแตงกวาแล้วปั่น กรองหรือคั่นเอาแต่น้ำเก็บไว้ใช้ทา ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 2 วัน ใช้น้ำแตงกวาที่เตรียมมาทาใบหน้าเป็นประจำจะช่วยลดจุดด่างดำ รอยฝ้าที่เกิดการการผจญแสงแดดและมลพิษระหว่างวัน ช่วยบำรุงผิว

วิธีที่ 3 ใช้แตงกวาสดปั่นละเอียด 2-3 ผล ผสมกับน้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย หรือ 1/2 ถ้วย ปั่นให้ละเอียด นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก ทำทุกวันก่อนนอน จะเหมาะกับคนผิวแห้ง ทำให้ผิวหน้านุ่มนวลขึ้น

วิธีที่ 4 ใช้แตงกวาปั่นละเอียด 2-3 ผล โดยผสมกับไข่ขาวดิบตีจนฟู 1 ฟอง น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกทิ้งไว้ 10-15 นาที ช่วยลดความมันบนใบหน้า กำจัดสิวเสี้ยน ทำให้หน้าเกลี้ยงเกลาขึ้น

วิธีที่ 5 ใช้แตงกวาฝานเป็นแว่นแปะที่ดวงตา แตงกวาสดจะมีเอนไซม์ย่อยเซลล์ที่ตายแล้ว ทำให้เซลล์บริเวณรอบดวงตาเย็น การเกณ้งตัวของกล้ามเนื้อลดลง ริ้วรอยน้อยลง

วิธีที่ 6 ใช้แตงกวาสดใหม่ทั้งผลปั่นละเอียด ผสมน้ำผึ้งพอเหลว นำมาพอกหน้าทิ้งไว้สักครู่และล้างออกด้วยน้ำอุ่น ช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกเป็นขุย

สูตรผม ผิวสวย...ด้วยนม


ทราบหรือไม่ว่า? นม ที่ดื่มกันเป็นประจำ นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังสามารถทำให้เราสวยได้เหมือนกัน ... น้ำนมถ้านำมาหมักผม ก็จะช่วยเพิ่มคุณค่าโปรตีน หรือนำมาชะโลมผิวเพื่อความนุ่มนวล และถ้ายิ่งดื่มได้ ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพเข้าไปใหญ่


หมักผม คือ ผสมนมผงกับน้ำ 1 ถ้วย จากนั้นนำไปหมักผมที่แห้งให้ทั่ว นำผ้าขนหนูที่จุ่มน้ำอุ่นหมาด ๆ บิดให้แห้งแล้วพันไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เปลี่ยนผ้าขนหนูถ้าหมดความร้อน แล้วสระออกด้วยแชมพู เพียงเท่านี้ผมก็จะสวยไม่แพ้การหมักด้วยเบียร์แน่นอน



สูตรสวยสำหรับใบหน้า คือ ลองใช้สำลีชุบน้ำนมและใช้แทนโทนเนอร์ เสร็จแล้วให้ล้างออก ส่วนการสครับ ผิว คนผิวมันลองผสมนมผง 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน จากนั้นนำมาสครับใบหน้า จะช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้น
ส่วนคนผิวแห้งถึงผิวธรรมดา ลองผสมแบบเดียวกันแต่ไม่เติมน้ำมะนาว รับรองว่าผิวจะสวย ขาว และดูพิสุทธิ์เหมือนน้ำนมเลย นอกจาก นม จะทำให้สุขภาพดีแล้ว ยังสามารถทำให้เราดูสวยได้อีกด้วย ลองหันมาใช้ประโยชน์จาก นม กันได้

เทรนด์มาแรง! วัยรุ่นเน้นแฟชั่นยิ่งเรียบ ยิ่งเท่


โทนสีเรียบๆ แต่ยังคงซึ่งความคลาสสิค อย่างสีขาว ดำ เทา สีเรียบๆ ไม่โดดเด่น แต่ง่ายต่อการมิกซ์แอนด์แมทซ์ เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าสไตล์นี้ กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นที่มีความเป็นตัวเอง เด็กแนว พวกที่ชอบความเซอร์ อินดี้ๆ ทั้งหลาย หรือบางคนเรียกว่าฮิปเตอร์ นั่นแหละค่ะ

เรียกว่าไม่ชอบแฟชั่นที่เหมือนใคร เน้นความเรียบง่าย ไม่เยอะ สวยชิคแบบง่ายๆ ไม่ต้องไปเดินตามแฟชั่นให้ยุ่งยาก แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ กระโปรงสักตัว หรือเดรสตัวเดียวจบ สะพายกระเป๋าผ้าสักใบ ไม่ต้องเยอะชิ้น ไม่ต้องเน้นเครื่องประดับ แค่นี้ก็ชิคๆ แล้ว จากหน้าธรรมดาๆ ก็ดูสไตล์ขึ้นมาได้เหมือนกันทันที เรามีแฟชั่นเทรนด์นี้มาให้เพื่อนๆ ดูกันด้วยค่ะ เผื่อว่าใครยังนึกไม่ออก ดี๊ดีแต่งตามกันได้ไม่ยากเลย 










วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อาหารที่ช่วยทำให้ผอมเร็วขึ้น

อาหารที่ช่วยทำให้เราผอมเร็วขึ้น ก็คืออาหารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการเผาพลาญพลังงานในร่างกายให้ได้มากขึ้น อาหารที่เรากินเข้าไป เมื่อถูกเผาพลาญออกมาเป็นพลังงาน ก็จะได้ไม่ต้องเป็นส่วนเกิน ไปเก็บกักตุนอยู่ในร่างกายของเรา เป็นเหตุให้เกิดไขมันส่วนเกิน หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าไขมันที่ทำให้เราดูอ้วนนั่นเอง เพราะฉะนั้น ใครที่อยากผอม ก็ควรจะเลือกกินอาหารเหล่านี้ด้วย


มะนาว
เปลือกมะนาว มีคุณสมบัติ ด้วยในการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต สิ่งที่ควรทำก็คือ การฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ แล้วใส่ลงในแก้วน้ำดื่ม เพียงเท่านี้ ก็ช่วยได้แล้วค่ะ

หอมหัวใหญ่
หอมหัวใหญ่ มีรสเผ็ด และยังมีวิตามินบี1 ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย แล้วก็ช่วยในการขับสารพิษออกมาจากร่างกายด้วย

ขิง
ขิงก็เป็นพืชอีกอย่างที่มีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับเหงื่อ ปรับอุณหถูมิในร่างกาย ให้เกิดการสมดุล เนื่องจากความร้อนของขิง ทำให้ช่วยร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ แล้วก็ยังช่วยแก้ภาวะตัวเย็น ลองดื่มน้ำขิงร้อนๆ เป็นประจำสิคะ

มะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นผักที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง รวมถึงมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย การทานมะเขือเทศ ทำให้รู้สึกว่าอิ่มเร็วกว่าปกติ ทำให้ลดความอยากอาหาร และเมื่อเราทานน้อยลง ก็จะไม่อ้วนยังไงล่ะ

กระเทียม
กระเทียมก็เป็นอีกอย่าง ที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญดีขึ้น กระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาล และไขมัน แล้วก็มีคุณสมบัติช่วยขับสารพิษด้วย

มะเขือม่วง
มะขือม่วงมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง ดูดซับไขมัน และของเสียต่างๆ ในกระแสเลือด ปรับสมดุลต่างๆ ภายในร่างกายของเรา แก้อาการท้องผูก และช่วยป้องกันไม่ให้คอเรสเตอรอลสูงด้วย

งา
งา มีแร่ธาตุต่างๆ มาก โดยเฉพาะแร่ธาตุ และพวกวิตามิน ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และสามารถช่วยลดน้ำหนักได้

เห็ด
เห็กเป็นพืชที่มีไฟเบอร์ หรือว่าเส้นใยสูง สามารถช่วยให้ระบบขับถ่ายดี สามารถช่วยล้างพิษในร่างกาย แล้วก็เสริมสร้างระบบคุ้มกันโรค ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว และอยู่ท้อง ไม่ต้องทานอาหารมากก็อิ่มได้

ส้ม
ส้มเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และมีรสชาติที่อร่อย ถูกปากคนไทย การกินส้มด้วยการเคี้ยวทั้งกากไปด้วย ทำให้ดีต่อระบบขับถ่าย เปลือกส้มนั้น ก็มีสรรพคุณ ในการย่อยไขมัน ถ้านำเปลือกส้มมาต้มชาดื่ม จะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ค่ะ

พริก
มีสรรพคุณในการเผาผลาญไขมัน เพราะมีรสเผ็ดร้อน ขับเหงื่อ และทำให้น้ำหนักลดลงได้

ถั่วแดง
เป็นอาหารอีกชนิด ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนัก เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ลดการบวมน้ำ กระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาล แก้ท้องผูก ช่วยล้างพิษในร่างกาย

พริกหวาน
อุดมไปด้วยวิตามินบี และวิตามินซี ถ้ากินมากๆ จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเ

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

10 อันดับเมืองที่อากาศดีที่สุดในโลก

อันดับ 10 เมืองทาลลินน์ (Tallinn) ประเทศเอสโตเนีย

               เมืองหลวงเล็กๆ ที่มีสีสันสดใสแห่งนี้มีพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้ คนที่นี้เปรียบอากาศบริสุทธิ์ยามเช้ากับแปรงสีฟันอย่างดี ที่ช่วยให้เขารู้สึกสะอาดเอี่ยมอ่องทุกครั้งเมื่อสูดหายใจเข้าไป

                            

อันดับ 9 เมืองซูริก (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
               เมืองนี้ไม่ได้ขึ้นชื่อแค่ระบบการเดินทางสัญจรที่สะดวกสบายเท่านั้น แต่ที่ซูริกยังมีระบบการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ทันสมัยมากๆ โดยทางการจะนำเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพอากาศติดไว้กับรถประจำทางที่ออกท่องตาม ถนนในหลายพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลคุณภาพอากาศในแต่ละช่วงเวลาของวัน และรายงานผลตรงไปยังอุปกรณ์มือถือของคนในเมืองทันที


อันดับ 8 กรุงสตอกโฮล์ม (Stockholm) ประเทศสวีเดน

               ใครที่เคยไปเที่ยวสตอกโฮล์มคงต้องประทับใจกับบ้านเมืองที่สะอาดสะอ้านและ อากาศที่สดชื่นแน่นอน แต่ทราบหรือไม่ว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชาวเมืองที่นี่ใช้รถยนต์ระบบไฮบริดมากที่สุดในยุโรป


อันดับ 7 กรุงเฮลซิงกิ (Helsinki) ประเทศฟินแลนด์

               น่าแปลกที่เมืองหลวงแห่งนี้มีมลพิษที่เกิดจากรถยนต์น้อยมาก ไม่ถึงครึ่งของมลพิษทั้งหมดในอากาศ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการออกแบบถนนให้กว้างมากเป็นพิเศษ ทำให้การจราจรไม่ติดขัด


อันดับ 6 เมืองออตตาวา (Ottawa) รัฐออนแทรีโอ (Ontario) ประเทศแคนาดา

               นอกจากจะเป็นเมืองหลวงของประเทศแคนาดาแล้ว ออตตาวาก็ยังขึ้นชื่อเรื่อง “ลานสเกตที่ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยลานสเกตที่ว่านี้เกิดจากน้ำในคลองริโด (Rideau Canal) ขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านใจกลางเมืองแปรสภาพกลายเป็นน้ำแข็งตลอดทั้งสายในช่วงฤดู หนาว


อันดับ 5 เมืองแคลกะรี (Calgary) รัฐแอลเบอร์ตา (Alberta) ประเทศแคนาดา

               แม้จะมีโรงงานอุตสาหกรรมผลิตแก๊สและน้ำมันจำนวนมากตั้งอยู่ในเขตเมือง แต่ด้วยการวางผังเมืองและระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลดปริมาณมลพิษลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่อากาศดีที่สุดของโลก


อันดับ 4 เมืองเกรตฟอลส์ (Great Falls) รัฐมอนแทนา (Montana) สหรัฐอเมริกา

               เก รตฟอลส์ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะกับกิจกรรมกลาง แจ้งอย่างเช่นการเดินป่า


อันดับ 3 เมืองโฮโนลูลู (Honolulu) รัฐฮาวาย (Hawaii) สหรัฐอเมริกา

               Honolulu ในภาษาฮาวายแปลว่า อ่าวที่พักพิง และเมืองนี้ก็น่าอยู่น่าพักพิงสมชื่อจริงๆ เพราะตัวเมืองตั้งอยู่บนเกาะฮาวายซึ่งไกลจากแผ่นดินใหญ่ถึง 2,000 ไมล์ ดังนั้น มลพิษจากเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเยอะสักแค่ไหนก็ข้ามไปไม่ถึง


อันดับ 2 เมืองแซนตาเฟ (Santa Fe) รัฐนิวเม็กซิโก (New Mexico) สหรัฐอเมริกา

               แซ นตาเฟเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในสหรัฐอเมริกาที่มีมลพิษในอากาศน้อยมากๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะที่ตั้งของเมืองซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่า และยังมีกฎหมายที่เข้มงวด ห้ามการเผาไม้ในที่โล่งแจ้งด้วย


อันดับ 1 เมืองไวต์ฮอร์ส (Whitehorse) เมืองหลวงของดินแดนยูคอน (Yukon) ประเทศแคนาดา

               เหตุที่เมืองไวต์ฮอร์สมีอากาศบริสุทธิ์เป็นอันดับ 1 ของโลกนั้น นอกจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยตามธรรมชาติแล้ว คงเป็นเพราะความหนาแน่นของประชากรที่น้อยเอามากๆ แถมยังมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเพื่อรักษาอากาศให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ


วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถานที่คล้องกุญแจคู่รักวันวาเลนไทน์

สถานที่คล้องกุญแจทั่วโลก ที่เที่ยวยอดฮิตของคู่รัก มาดูกันว่าสถานที่คล้องกุญแจสำหรับคู่รักรับวันวาเลนไทน์มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

1. สะพานปงเดซาร์, ปารีส, ฝรั่งเศส (Pont des Arts Bridge, Paris, France)


2. สะพาน Hohenzollern, โคโลญจ์, เยอรมนี, (Hohenzollern Bridge, Cologne, Germany)
  

3. หอคอยเอ็นโซล, โซล, เกาหลีใต้ (N Seoul Tower, Seoul, South Korea)

  
4. สะพานมิลวิโอ, โรม, อิตาลี (Ponte Milvio Bridge, Rome, Italy)


5. สะพานบรูคลิน, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา (Brooklyn Bridge, New York, United States)

  

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Introduire

Je m'appelle Fern.  
ฉันชื่อเฟิร์น
 

Je suis thaïlandaise. 
ฉันเป็นคนไทย

Je suis née le 27 décembre 1997. 
ฉันเกิดวันที่ 27 ธันวาคม 2540
 

J'ai 17 ans. 
ฉันมีอายุ 17 ปี
 

J'habite chez mes parents, à Nakhonpathom, une petite ville près de Bangkok.
ฉันอาศัยอยู่กับผู้ปกครองที่นครปฐม เมืองเล็กๆใกล้กับกรุงเทพ

Je suis élève en à l'école Rachiniebourana.
 ฉันศึกษาอยู่ที่โรงเรียนราชินีบูรณะ

Je voudrais être hôtesse de l'air parce que j'aime langue.
ฉันอยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะว่าฉันชอบภาษา.